ทำไมฉันรู้สึกเหนื่อยจัง 10 เหตุผลที่เป็นไปได้ - GEOGRAFÍA - 2025

ทำไมฉันรู้สึกเหนื่อยจัง เป็นคำถามที่คุณสามารถถามตัวเองได้หลายครั้ง ความรู้สึกเหนื่อยหรือเมื่อยล้าเป็นสถานการณ์ที่แพร่หลายมากที่สุดในหมู่ผู้คน ในความเป็นจริงปัจจัยนี้เป็นหนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดในการปรึกษาแพทย์ในส่วนต่างๆของโลก

ในบางช่วงเวลาความรู้สึกเหนื่อยล้าสามารถตรวจจับได้ง่ายและสมเหตุสมผล ในช่วงที่มีกิจกรรมสูงและพักผ่อนน้อยผู้คนอาจรู้สึกเหนื่อยล้ามากกว่าปกติ แต่ความรู้สึกนี้เป็นผลมาจากระดับของกิจกรรมได้ง่าย

อย่างไรก็ตามความรู้สึกเหนื่อยล้าอาจเกิดจากหลายสาเหตุและบางครั้งอาจปรากฏขึ้นในช่วงเวลาที่ขาดการพักผ่อนไม่เพียงพอ

ในสถานการณ์เหล่านี้คุณอาจสังเกตเห็นว่าคุณเหนื่อยเร็วกว่าปกติและเป็นเรื่องยากสำหรับคุณที่จะทำตามจังหวะชีวิต ในทำนองเดียวกันคุณสามารถรับรู้ได้ว่าคุณเหนื่อยแค่ไหนในแต่ละวันโดยไม่คำนึงถึงการพักผ่อนก่อนหน้านี้

ในแง่นี้ความรู้สึกเหนื่อยล้าอาจเกิดจากทั้งพยาธิสภาพทางร่างกายและสภาพจิตใจซึ่งทำให้การทำงานของร่างกายเปลี่ยนแปลงไปและทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย

ทำไมฉันรู้สึกเหนื่อยจัง สาเหตุที่เป็นไปได้

1- ความผิดปกติของการนอนหลับ

ความต้องการพื้นฐานอย่างหนึ่งที่ร่างกายมนุษย์นำเสนอเพื่อให้ทำงานได้อย่างถูกต้องคือสัดส่วนของการพักผ่อน

ในความเป็นจริงหากคุณไม่ได้นอนหลับและพักผ่อนอย่างเหมาะสมการทำงานของร่างกายจะเปลี่ยนไปและความรู้สึกเมื่อยล้าจะปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในกรณีเหล่านี้ความเหนื่อยล้าไม่ได้เกิดจากสภาพร่างกายใด ๆ แต่เป็นการลดชั่วโมงและคุณภาพของการนอนหลับ ในสถานการณ์เหล่านี้สมองจะตอบสนองโดยต้องการพักผ่อนให้มากขึ้นผ่านความรู้สึกของการนอนหลับ

อย่างไรก็ตามแม้ว่าข้อเท็จจริงที่ว่าการขาดการพักผ่อนอาจเกิดจากสถานการณ์ตามบริบทที่หลากหลาย แต่องค์ประกอบหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยนี้มากที่สุดคือการรบกวนการนอนหลับ

ความผิดปกติเช่นภาวะหยุดหายใจขณะหลับความหวาดกลัวในตอนกลางคืนการนอนไม่หลับหรืออัมพาตจากการนอนหลับอาจส่งผลโดยตรงต่อการพักผ่อนของคุณและทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยมากในระหว่างวัน

เมื่อเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้ความรู้สึกเมื่อยล้าจะต้องได้รับการรักษาด้วยสาเหตุนั่นคือโดยการแทรกแซงการนอนหลับและทำให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ

2- ภาวะพร่องไทรอยด์

ความรู้สึกเหนื่อยล้าเรื้อรังและเป็นประจำเป็นหนึ่งในอาการหลักของภาวะพร่องไทรอยด์ ภาวะนี้เป็นโรคที่เกิดขึ้นเมื่อต่อมไทรอยด์สร้างฮอร์โมนไม่เพียงพอที่รับผิดชอบในการควบคุมเมตาบอลิซึม

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนของภาวะพร่องไทรอยด์ทำให้การจัดเก็บพลังงานและการใช้จ่ายของร่างกายผิดปกติ ด้วยเหตุนี้แม้จะพักผ่อนอย่างเพียงพอความรู้สึกเมื่อยล้าจึงปรากฏขึ้นได้ง่าย

ในความเป็นจริงภาวะพร่องไทรอยด์เป็นสาเหตุส่วนใหญ่ของความเหนื่อยล้าและอาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรง โดยปกติพยาธิวิทยานี้ทำให้เกิดลักษณะอาการอื่น ๆ เช่นผิวแห้งท้องผูกแพ้อากาศเย็นปวดข้อระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูงหรือน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น

ในกรณีเหล่านี้ความรู้สึกของภาวะไทรอยด์ทำงานผิดปกติจะเกิดขึ้นอย่างถาวรและสามารถปรากฏได้แม้ในสถานการณ์ที่ต้องพักผ่อนเป็นเวลานาน องค์ประกอบหลักสองประการของความเหนื่อยล้าที่เกี่ยวข้องกับภาวะพร่องไทรอยด์คือ:

1. การไม่อดทนต่อความพยายามที่กระตุ้นให้บุคคลนั้นรู้สึกเหนื่อยล้าแม้จะทำกิจกรรมที่มีการสึกหรอน้อย
2. การสร้างภาพของความท้อถอยความรู้สึกขาดพลังและการใช้เหตุผลที่ช้าลงซึ่งปรากฏขึ้นแม้จะไม่มีความพยายามทางร่างกายและ / หรือจิตใจก็ตาม
3. โรคโลหิตจาง.

นอกเหนือจากการนอนหลับและพักผ่อนแล้วองค์ประกอบหลักอื่น ๆ ที่ร่างกายต้องทำงานอย่างถูกต้องคือการได้รับพลังงานจากการบริโภคอาหาร

ในแง่นี้โรคโลหิตจางเป็นพยาธิสภาพที่เกิดจากการลดความเข้มข้นของเม็ดเลือดแดงในเลือดซึ่งโดยทั่วไปจะส่งผลให้รู้สึกอ่อนเพลียมากขึ้น

ในโรคโลหิตจางมีการลดลงของเซลล์ที่รับผิดชอบในการขนส่งออกซิเจนผ่านร่างกาย เนื่องจากปัจจัยนี้ทำให้ร่างกายขาดพลังงานซึ่งเป็นสาเหตุของความเหนื่อยล้า

ความรู้สึกอ่อนเพลียที่เกี่ยวข้องกับโรคโลหิตจางสามารถตรวจพบได้จากลักษณะอาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาวะนี้เช่นผิวซีดการสูญเสียเลือดการไม่สามารถทนต่อความพยายามในระดับปานกลางหรือเล็กน้อยและการเร่งอัตราการเต้นของหัวใจขณะพัก

นอกเหนือจากโรคโลหิตจางแล้วการรับประทานอาหารที่ไม่เพียงพอหรือไม่เพียงพออาจทำให้รู้สึกเหนื่อยเนื่องจากไม่มีพลังงาน

4- โรคเบาหวาน

โรคเบาหวานเป็นอีกหนึ่งในสภาวะการเผาผลาญที่เกี่ยวข้องอย่างมากกับความรู้สึกเหนื่อยล้า

พยาธิวิทยานี้เกิดจากความไม่สามารถของร่างกายในการขนส่งกลูโคสที่มีอยู่ในเลือดเข้าสู่เซลล์ กลูโคสเป็นสารที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างพลังงานดังนั้นเมื่อมันทำงานไม่ถูกต้องระดับพลังงานก็มีแนวโน้มที่จะลดลง

ในความเป็นจริงหากไม่มีกลูโคสเซลล์ของร่างกายจะขาดสารอาหารที่จำเป็นและการทำงานของมันจะลดลง ปัจจัยนี้มีแนวโน้มที่จะแปลโดยตรงเป็นแนวโน้มของความเหนื่อยล้าและความรู้สึกเมื่อยล้า

กรณีที่รู้สึกเหนื่อยมากเกินไปเนื่องจากโรคเบาหวานมักมีลักษณะอาการอื่น ๆ ของโรค หลัก ๆ คือ:

1. รู้สึกกระหายมากเกินไปตลอดทั้งวัน
2. ปัสสาวะมากเกินไปตลอดทั้งวัน
3. น้ำหนักลดแม้จะอยากอาหารเพิ่มขึ้น

ในทำนองเดียวกันความรู้สึกอ่อนเพลียที่เกิดจากโรคเบาหวานมักจะสังเกตเห็นได้ชัดเจนในเด็กและผู้ที่มีน้ำหนักเกิน

5- หัวใจล้มเหลว

ภาวะหัวใจล้มเหลวเป็นโรคที่เกิดจากการที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปยังส่วนต่างๆของร่างกายได้อย่างเหมาะสม

ภาวะนี้ส่วนใหญ่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของหัวใจซึ่งมีการทำงานที่อ่อนแอผิดปกติซึ่งป้องกันไม่ให้ตอบสนองความต้องการพลังงานที่ร่างกายต้องการ

สาเหตุหลักของโรคนี้ ได้แก่ กล้ามเนื้อหัวใจตายความดันโลหิตสูงโรคของลิ้นหัวใจและโรคพิษสุราเรื้อรัง ในทำนองเดียวกันในบรรดาอาการหลัก ๆ จะมีความรู้สึกเหนื่อยล้าเรื้อรัง

ภาวะหัวใจล้มเหลวอาจมีระดับความรุนแรงที่แตกต่างกันดังนั้นอาการและอาการแสดงที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปแล้วจะมีการรักษาไว้ว่ายิ่งโรคร้ายแรงมากเท่าไหร่ความรู้สึกเหนื่อยล้าของบุคคลก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

กรณีของความเมื่อยล้าจากภาวะหัวใจล้มเหลวมักจะมีลักษณะของการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ซึ่ง ได้แก่ อาการบวมที่ขาและหายใจถี่ซึ่งจะแย่ลงเมื่อนอนราบ

6- ไตวาย

ไตวายเป็นพยาธิสภาพที่มีการสูญเสียการทำงานที่น่าทึ่งในไต อวัยวะเหล่านี้มีหน้าที่ในการกรองสารพิษจากเลือดและควบคุมปริมาณน้ำในร่างกาย

ไตวายเรื้อรังอาจเกิดจากหลายเงื่อนไข โรคที่แพร่หลายมากที่สุด ได้แก่ โรคความดันโลหิตสูงโรคเบาหวานโรคไต polycystic โรคไตการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะซ้ำนิ่วในไตซ้ำและโรคต่อมลูกหมาก

เนื่องจากฟังก์ชั่นการกรองที่ดำเนินการโดยไตการเปลี่ยนแปลงการทำงานอาจส่งผลต่อกิจกรรมทางสรีรวิทยาหลายอย่าง

ในแง่นี้ไตวายเรื้อรังมักทำให้เกิดอาการต่างๆเช่นโรคโลหิตจางโดยไม่มีสาเหตุชัดเจนเบื่ออาหารความดันโลหิตสูงบวมที่ขาและความรู้สึกเหนื่อยล้ากำเริบ

7- โรคทางกายอื่น ๆ

นอกเหนือจากที่กล่าวไว้ข้างต้นความรู้สึกเหนื่อยล้าสามารถเกิดขึ้นได้จากสถานการณ์และโรคทางกายที่หลากหลาย ในความเป็นจริงการเปลี่ยนแปลงการทำงานส่วนใหญ่ในร่างกายสามารถนำไปสู่อาการอ่อนเพลียได้

ในบรรดาสิ่งที่แพร่หลายมากที่สุด ได้แก่ เส้นเลือดขอดความไม่เพียงพอของหลอดเลือดดำของแขนขาด้านล่างมะเร็งโรคไฟโบรมัยอัลเจียโรคตับโรคภูมิต้านตนเองวัณโรคโรคอนุสาวรีย์โรคของต่อมหมวกไตและการไหลของกระเพาะอาหาร

ในทำนองเดียวกันเงื่อนไขที่ไม่ใช่พยาธิสภาพเช่นการตั้งครรภ์มักเกี่ยวข้องกับแนวโน้มที่จะเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียมากขึ้น

8- อาการอ่อนเพลียเรื้อรัง

แม้ว่าสภาพร่างกายหลาย ๆ อย่างอาจทำให้เกิดความรู้สึกเหนื่อยล้า แต่หลาย ๆ กรณีของคนที่ดูเหมือนเหนื่อยล้ามากเกินไปไม่ได้มีสาเหตุเฉพาะเจาะจง

ในแง่นี้อาการอ่อนเพลียเรื้อรังจะปรากฏขึ้นซึ่งเป็นโรคที่ไม่เป็นที่รู้จักซึ่งทำให้เกิดความเมื่อยล้าอย่างต่อเนื่องและมีปัญหาด้านความรู้ความเข้าใจ

พยาธิวิทยานี้มีลักษณะส่วนใหญ่โดยไม่มีปัจจัยเชิงสาเหตุ นั่นคือผู้ที่มีอาการอ่อนเพลียเรื้อรังจะไม่แสดงการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในการตรวจร่างกายและเสริมที่สามารถอธิบายความรู้สึกเหนื่อยล้าที่พวกเขาพบ (หรืออาการอื่น ๆ )

กลุ่มอาการนี้จะค่อยๆส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันระบบประสาทระบบหัวใจและหลอดเลือดและต่อมไร้ท่อ มีลักษณะเฉพาะคือทำให้รู้สึกอ่อนเพลียสูงมีไข้ไม่สามารถทนต่อแสงเสียงและการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่ดีตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิร่างกายปวดศีรษะและปวดกล้ามเนื้อ

การเริ่มมีอาการนี้อาจเกิดขึ้นอย่างกะทันหันโดยมีลักษณะคล้ายกับการระบาดของไวรัสแม้ว่าจะมีอาการร้ายกาจได้เช่นกัน

เป็นเรื่องปกติที่อาการอ่อนเพลียเรื้อรังจะปรากฏขึ้นหลังจากช่วงเวลาแห่งความเครียดทางอารมณ์อุบัติเหตุจากบาดแผลหรือพิษรุนแรง หลักสูตรมีลักษณะเรื้อรังและก้าวหน้า

อาการมักจะตรวจพบได้ยาก ผู้ที่มีอาการนี้มักรายงานว่ารู้สึกราวกับว่าพวกเขา 'ได้รับไข้หวัดที่ไม่มีวันหายขาด'

อาการมีความแปรปรวนอย่างมากในแต่ละกรณีตามระดับความรุนแรงและการนำเสนอชั่วคราว อาการอาจมีตั้งแต่ความเหนื่อยล้าเป็นเวลานานพร้อมกับอาการคล้ายไข้หวัดต่างๆไปจนถึงการแสดงอาการมากมายที่อาจส่งผลต่อร่างกายทั้งหมด

9- การบริโภคยา

นอกจากนี้ยังสามารถรายงานการใช้ยาเป็นเวลานานและ / หรือมากเกินไปซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากประสบการณ์ของความรู้สึกเหนื่อยล้าและความเหนื่อยล้าที่เพิ่มสูงขึ้น หลัก ๆ คือ:

ยาสำหรับการควบคุมหลอดเลือด

ยาเหล่านี้ใช้เพื่อลดความดันโลหิตในหลอดเลือด ยาเหล่านี้บางชนิด ได้แก่ ellisinoprila, amlodipine, didrochlorothiazide, furosemide และ metoprolol

การบริโภคยาเหล่านี้ทำให้การทำงานของหัวใจช้าลงทำให้กดระบบประสาทส่วนกลางและอาจทำให้เกิดความรู้สึกเหนื่อยล้าสูงกว่าปกติ

Statins และ fibrates

ยาเหล่านี้ใช้เพื่อรักษาภาวะคอเลสเตอรอลสูง สแตตินที่รู้จักกันดี ได้แก่ atorvastatin, simvastatin และ rosuvastatin และ fibrate ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายคือ fenofibrate

สแตตินฆ่าการผลิตเซลล์บางชนิดในกล้ามเนื้อและหยุดการเจริญเติบโต จากการศึกษาบางชิ้นยาเหล่านี้ยังทำปฏิกิริยากับการผลิตพลังงานในระดับเซลล์ดังนั้นการบริโภคอาจทำให้เกิดความเหนื่อยล้า

ตัวยับยั้งโปรตอนปั๊ม

ยาเหล่านี้ใช้ในการรักษากรดไหลย้อนและความผิดปกติที่คล้ายคลึงกัน รู้จักกันดีที่สุดกับ esomeprazole, lansoprazole และ pantoprazole

เมื่อใช้เป็นเวลานานยาเหล่านี้สามารถลดระดับแมกนีเซียมในเลือดทำให้เบื่ออาหารและทำให้รู้สึกเหนื่อยอ่อนเพลียและอ่อนแรง

เบนโซไดอะซีปีน

Benzodiazepines เป็นยาที่ออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทซึ่งส่วนใหญ่ใช้ในการรักษาโรควิตกกังวล ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ได้แก่ alprazolam, diazepam, lorazepam และ clonazepam

ยาเหล่านี้ช่วยลดการทำงานของบางส่วนของระบบประสาททำให้เกิดความรู้สึกสงบและลดระดับพลังงานของร่างกาย

ยาแก้แพ้

ยาแก้แพ้เป็นยาที่ใช้ในการป้องกันหรือแทรกแซงอาการภูมิแพ้เช่นเดียวกับการรักษาสภาพต่างๆเช่นเวียนศีรษะคลื่นไส้อาเจียนหรือวิตกกังวล

ยาเหล่านี้มักทำให้เกิดอาการกดประสาทรู้สึกเหนื่อยและง่วงนอน ในบางครั้งอาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะและอ่อนแรงได้

10- ความเครียดและภาวะซึมเศร้า

สุดท้ายต้องคำนึงว่าไม่เพียง แต่การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพเท่านั้นที่อาจทำให้เกิดความรู้สึกเหนื่อยล้า ในความเป็นจริงความผิดปกติทางจิตใจสามารถรับผิดชอบส่วนดีของกรณีความเหนื่อยล้า

ในแง่นี้ภาวะซึมเศร้าและการเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ของสภาพจิตใจทำให้เกิดความรู้สึกเหนื่อยล้ามากเกินไป ในทางกลับกันทุกวันนี้มีการบันทึกไว้อย่างดีว่าความเครียดเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งของความรู้สึกเหนื่อยล้า

อ้างอิง

1. Bower JE, Bak K, Berger A, Breitbar W, Escalante CP, Ganz PA และอื่น ๆ การคัดกรองการประเมินและการจัดการความเหนื่อยล้าในผู้รอดชีวิตจากโรคมะเร็งในผู้ใหญ่: แนวทางการปรับแนวทางปฏิบัติทางคลินิกของ American Society of Clinical Oncology เจคลินออนคอล 2014; 32 (17): 1840-51.
2. Lertzman M, Wali S, Kryger M. ภาวะหยุดหายใจขณะหลับเป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับการขับรถที่ไม่ดี CMAJ. 1995; 153: 1063-1068
3. Prieto JM, Blanch J, Atala J, Carreras E, Rovira M, Cirera E และอื่น ๆ ปัจจัยทางคลินิกที่เกี่ยวข้องกับความเหนื่อยล้าในผู้ป่วยมะเร็งทางโลหิตวิทยาที่ได้รับการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด มะเร็ง Eur J 2006; 42 (12): 1749-55.
4. Sagberg Fridul V. อุบัติเหตุบนท้องถนนเกิดจากคนขับหลับใน การวิเคราะห์และป้องกันอุบัติเหตุ 2542; 31: 639-649
5. Irvine D, Vincent L, Graydon JE, Bubela N, Thomson L. พยาบาลมะเร็ง 2537; 17 (5): 367-78.